Tune to Eb
INTRO | Em | D | Am | Am |

 
สะพายกระ
Em 
เป๋าออกจากบ้านมากลางดึก
 
มีไฟทางและแสงส
D 
ว่างส่องผ่านเสื้อผ้ามาตามตึก
 
เด็กน้อยหนีออกจาก
Am 
บ้านช่างไร้เดียงสาผจญภัย
 
กลัวเพียงอย่างเดียวคือไม่ได้
Am 
ไปจากที่ที่ไม่มีความสุข

 
มีน้ำมาหนึ่ง
Em 
ขวด 
 
มีเงินมาห้าสิบ
 
ฝรั่งอีกหนึ่ง
D 
ลูก 
 
เผื่อว่าข้าหิวให้ข้าหยิบ
 
เสียงเพิ่งแตก
Am 
หนุ่ม 
 
มันเลยวัยที่น่าหยิก
 
เด็กน้อยเดินไปข้าง
Am 
หน้าแล้วก็เดินไปข้างหน้าอีก

 
ก้าวขี้นสอง
Em 
แถวจากบางปูใหม่น้ำตาก็ไหลนองที่หน้า
 
ไม่มีจุดห
D 
มายสุดสายปากน้ำก้าวขึ้นรถเมย์สายยีบห้า
 
รู้สึกอิ
Am 
สระเหมือนกับคาวบอยกระโดดขี่ม้าร้องฮิ๊ฮ่า
 
พรุ่งนี้ขอ
Am 
แค่มีที่ให้นอนมีข้าวให้กินก็พอกูยอมเป็นขี้ข้า

Em 
ตามองไปนอกหน้าต่างหัวใจไร้จุดหมาย
 
ชี
D 
วิตยังไงก็ได้หลังจากรถเมย์ไปสุดสาย
 
เข้า
Am 
เมืองคนเดียวครั้งแรกด้วยวัยประมาณสิบสี่ปี
 
เห็นโสเภ
Am 
ณีพิงต้นมะขามสนามหลวงเป็นจุดขาย

 
เดิน
Em 
ผ่านกลาโหมเห็นปืนใหญ่เขียวไปยันโคน
 
ไม่
D 
รู้คนที่สวนทางกันคนไหนดีคนไหนโจร
 
เด็ก
Am 
น้อยร้องเพลงเบาเบาพึมพำเพื่อให้ในหัวมันจรรโลง
 
เข้า
Am 
ตรอกออกซอยเด็กน้อยบังเอิญมาโผล่หัวลำโพง

เห็นคนไร้บ้านมากมายนอนเรียงกัน
เห็นลูกหมาจรจัดเด็กน้อยไปนอนอยู่เคียงมัน
หมดแรงจะก้าวต่อไปเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยไปต่อ
พรุ่งนี้จะซื้อตั๋วรถไฟเพราะสุดสายรถเมย์แม่งยังไม่ไกลพอ

Em 
ไม่รู้ ฉันไม่รู้ ว่าฉันต้องเดินไปทางไหน
D 
ไม่รู้ ฉันไม่รู้ ว่าฉันต้องเดินไปทางไหน
Am 
ที่รู้คือฉันต้องไป ฉันต้องไป ไปให้ไกลก่อน
Am 
ที่รู้คือฉันต้องไป ฉันต้องไป ไปให้ไกลก่อน

Em 
ไม่รู้ ฉันไม่รู้ ว่าฉันต้องเดินไปทางไหน
D 
ไม่รู้ ฉันไม่รู้ ว่าฉันต้องเดินไปทางไหน
Am 
ที่รู้คือฉันต้องไป ฉันต้องไป ไปให้ไกลก่อน
Am 
ที่รู้คือฉันต้องไป ฉันต้องไป ไปให้ไกลก่อน

Em 
เช้ามาเด็กน้อยเปิดขวดน้ำกินรินล้างหน้าและล้างตา
 
สะพายกระเ
D 
ป๋าปัดเสื้อผ้าเศษฝุ่นเศษดินที่ค้างคา
 
หยิบ
Am 
ฝรั่งมากินประทังไปสองสามคำค่อนข้างฝาด
 
เงินไม่
Am 
พอซื้อตั๋วรถไฟเลยไปขอวินมอเตอร์ไซค์มาห้าบาท

Em 
ขบวนที่จะออกไวที่สุดปลายทางคือกบินทร์บุรี
 
ซื้อตั๋วขา
D 
ไปถึงแม้ไม่รู้มันคือที่ไหนก็ตามที
 
เด็กน้อยหลับ
Am 
ไปก่อนตื่นขึ้นมาเห็นคนเดินลงเกือบหมดขบวน
 
เหมือนการชัก
Am 
ชวนให้ตามลงไปสถานีปราจีนบุรี

Em 
เป็นครั้งแรกที่ไปไม่ถึงจนสุดสาย
D 
แต่สิ่งที่ยังเหมือนเดิมคือยังไม่มีแม้จุดหมาย
Am 
เด็กน้อยเดินไปข้างหน้าจนคนและบ้านและตึกหาย
 
เหลือเพียง
Am 
ถนนที่ทอดยาวที่ไม่รู้ว่ายาวไปถึงไหน

Em 
พอคิดจะหาเสบียงก็ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์
D 
เขาเลยไปจอดข้างหน้าแล้วทำทีท่าว่าสงสัย
Am 
เขาถามจะไปไหน 
 
ให้เขาไปส่งไหม
Am 
เด็กน้อยตอบว่าไม่รู้ 
 
รู้แค่จะหนีไปให้ไกล

Em 
เด็กน้อยขึ้นซ้อนรถเขากับคราบน้ำตาที่ฟ่าจาง
 
ตอนลมปะ
D 
ทะมันแสบหน้าเพราะแดดมันเผาจนหน้าบาง
 
เขาบอกมัน
Am 
อันตรายรู้ไหมเป็นเด็กมาเดินอยู่ข้างทาง
 
เดี๋ยวพาไป
Am 
ส่งที่วัดละกัน 
 
ข้างหน้ามีวัดชื่อบางคาง

 
เด็กน้อยเล่าเรื่องทั้งหมดให้พระฟังน้ำตาก็ไหลริน
 
 
ท่านลูบหัวด้วยความเมตตาหาข้าวหาปลามาให้กิน
 
 
ถ้ายังไม่อยากกลับบ้านก็อยู่กับฉันไปก่อนละกัน
 
 
แต่อยู่ที่นี่ต้องตามไปบิณฑบาตเช้ามืดตื่นให้ทันนะ
 

Em 
ยิ้ม ฉันได้ยิ้ม ฉันทำมันได้อีกครั้ง
D 
ยิ้ม ฉันได้ยิ้ม ฉันทำมันได้อีกครั้ง
Am 
เด็กวัด ฉันเป็นเด็กวัด และฉันโอเคกับที่เป็นอยู่
Am 
เด็กวัด ฉันเป็นเด็กวัด และฉันโอเคกับที่เป็นอยู่

Em 
ยิ้ม ฉันได้ยิ้ม ฉันทำมันได้อีกครั้ง
D 
ยิ้ม ฉันได้ยิ้ม ฉันทำมันได้อีกครั้ง
Am 
เด็กวัด ฉันเป็นเด็กวัด และฉันโอเคกับที่เป็นอยู่
Am 
เด็กวัด ฉันเป็นเด็กวัด และฉันโอเคกับที่เป็นอยู่

Em 
อยู่กับพระเป็นเด็กวัดได้สองเดือน
 
ท่านก็ยื่นเ
D 
งินแล้วกล่อมเด็กน้อยให้กลับบ้าน
 
กลับไปเรียนหนังสือ
Am 
ซะ 
 
แล้วก็อย่าลืมที่สอนเตือน
 
กลับไปเรียนให้ทัน
Am 
เพื่อน 
 
เด็กน้อยเลยลาเลยกราบท่าน

 
แต่เงินที่ได้
Em 
มา 
 
เด็กน้อยใช้มันเพื่อไปต่อ
 
ไม่เคยติดต่อที่บ้
D 
าน 
 
ถ้ารอก็รอกันไปก่อน
 
ซื้อน้ำ ตุน
Am 
ขนม ใส่กระเป๋า ไว้ประทัง
 
ไปตายเอาดาบ
Am 
ใหม่ 
 
ซื้อตั๋วรถไฟไปอรัญฯ

Em 
ก็ด้วยเพราะเสาร์-อาทิตย์ 
 
พระท่านชอบพากันดูมวย
D 
เด็กน้อยไม่มีอะไรทำก็เลยไปนั่งไปดูด้วย
Am 
มันก็เลยซึมซับ 
 
บวกกับมีเงินที่พระช่วย
Am 
เด็กน้อยจึงตั้งเป้าหมายว่าป้ายต่อไปคือค่ายมวย

Em 
ลงรถไฟที่อรัญแล้วต่อสองแถวไปโรงเกลือ
D 
ใจมันคึกคักเหมือนกะลาสีได้ลงเรือ
Am 
จุดหมายเริ่มชัดเจนไม่ใช่อะไรที่คลุมเครือ
 
แต่กลับโดน
Am 
หลอกไปปล่อยทิ้ง 
 
โดยสามล้อหน้าโรงเกลือ

Em 
เขาบอกขึ้นมาเลยน้อง 
 
ค่ายมวยพี่รู้จักดี
D 
เขาส่งที่ไหนไม่รู้ 
 
แล้วบอกให้เดินตรงไปทางนี้
Am 
ไปส่งถึงค่ายไม่ได้หรอก 
 
ทางมันไม่ดี
 
เดินหาอยู่
Am 
นาน จึงถามชาวบ้าน เขาบอกค่ายมวยน่ะไม่มี

 
สามล้อไม่น่าจะทำให้เด็กคนนึงต้องคอตก
 
 
สามล้อก็แต่งตัวดีใส่เชิ้ตแขนยาวมีคอปก
 
 
แต่ว่าสัญชาตญาณมันสั่งให้ก้าวเดินต่อไป
 
 
คิดซะว่าได้ประสบการณ์ อย่าให้มันมีผลต่อใจ
 

Em 
รู้ ฉันได้รู้ ว่าโลกไม่เป็นดั่งที่ฝัน
D 
รู้ ฉันได้รู้ ว่าโลกไม่เป็นดั่งที่ฝัน
Am 
ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร 
 
แค่มองด้วยตาน่ะไม่ได้หรอก
Am 
ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร 
 
แค่มองด้วยตาน่ะไม่ได้หรอก

Em 
รู้ ฉันได้รู้ ว่าโลกไม่เป็นดั่งที่ฝัน
D 
รู้ ฉันได้รู้ ว่าโลกไม่เป็นดั่งที่ฝัน
Am 
ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร 
 
แค่มองด้วยตาน่ะไม่ได้หรอก
Am 
ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร 
 
แค่มองด้วยตาน่ะไม่ได้หรอก

Em 
เดินไปเจอจุดพักรถ 
 
เห็นคนซื้อข้าวและสูบบุหรี่
 
เห็นรถโดยส
D 
ารที่เขียนข้างหน้าว่า 
 
บุรีรัมย์-จันทบุรี
Am 
เด็กน้อยไปบอกกระเป๋าว่าผมจะไปบุรีรัมย์
 
เขา
Am 
บอกให้รออีกคัน 
 
งั้นผมไปจันทบุรี

Em 
ก็คิดว่าบุรีรัมย์มันน่าจะมีค่ายมวยมากกว่าไง
 
ไม่เป็น
D 
ไร ไปจันท์ก็ได้ ไม่อยากรอนาน เพราะจันท์ก็อยากไป
 
ถึง
Am 
จันท์ก็มืดค่ำ 
 
มันตรงกับงานประจำจังหวัดพอดี
Am 
งานทุเรียนโลก 
 
เดินซักหน่อยละกันสตางค์ก็มี

Em 
เห็นเด็กตัวเล็กจูงมือหม่าม๊าและป๊ะป๋า
D 
เห็นคนที่มาเป็นคู่ 
 
เดินจูงมือกันจ๊ะจ๋า
Am 
เด็กน้อยรู้สึกโดดเดี่ยวและเจ็บปวดที่ไม่มี
 
เด็ก
Am 
น้อยเดินเข้าร้านสัก 
 
แล้วบอกช่างครับเอาลายนี้

Em 
มันก็เหมือนกับงานเจดีย์ที่บ้านเรา
 
เด็กน้
D 
อยอยากเข้าร้านสักมากกว่ายิงปืนหรือปาเป้า
 
พอ
Am 
เสร็จเขาก็ให้วาสลีนบอกเอาไปทาเข้า
 
ก่อนเดินมา
Am 
นอนหน้าบขส. 
 
ค่อยหาค่ายมวยในยามเช้า

Em 
เช้ามาก็ถูกรายล้อมด้วยวินมอเตอร์ไซค์
D 
เขาถามว่าบ้านอยู่ไหนเนี่ย 
 
เอ็งมานอนตรงนี้ทำไม
Am 
ผมอยากเป็นนักมวยครับ 
 
พี่รู้จักค่ายมวยมั้ย
Am 
ค่ายอะไรก็ได้พี่ 
 
ที่มันอยู่ใกล้ๆ

 
เขาบอกว่าโชคดีแล้วที่เอ็งมาเมืองจันท์
 
 
โชคดีที่นอนตรงนี้ มีวินคนนึงเป็นอดีตนักมวยดัง
 
 
เอ็งรอที่นี่แหละ อย่าไปไหนนะรอมัน
 
 
สมัยที่มันยังชกเนี่ย มันใช้ชื่อว่าโรมรัน
 

Em 
หวัง ฉันมีหวัง ภายในใจเริ่มมีหวัง
D 
หวัง ฉันมีหวัง ภายในใจเริ่มมีหวัง
Am 
มีคนตั้งมากมาย 
 
คงไม่เลวร้ายไปทุกคนหรอก
Am 
มีคนตั้งมากมาย 
 
คงไม่เลวร้ายไปทุกคนหรอก

Em 
หวัง ฉันมีหวัง ภายในใจเริ่มมีหวัง
D 
หวัง ฉันมีหวัง ภายในใจเริ่มมีหวัง
Am 
มีคนตั้งมากมาย 
 
คงไม่เลวร้ายไปทุกคนหรอก
Am 
มีคนตั้งมากมาย 
 
คงไม่เลวร้ายไปทุกคนหรอก

Em 
และเมื่อเขามา 
 
เขาพาไปบ้านของน้าแอ๋ว
 
ถอดเสื้อชั่งน้ำห
D 
นัก 
 
น้าแอ๋วชมว่าหน่วยก้านแจ๋ว
 
แต่ถ้าต่อยน้ำหนัก
Am 
นี้นะ 
 
เอ็งจะเจอแต่ของแข็ง
 
นักมวยเขาต่อยกันตั้งแต่
Am 
เด็ก 
 
ส่วนเอ็งตั้งการ์ดยังป๋องแป๋ง

Em 
น้าครับ ผมมาไกล ให้ผมลองหน่อย
 
จะ
D 
ให้ผมทำอะไรก็ได้ครับ 
 
แค่ให้ผมลองต่อย
 
ผม
Am 
ตั้งใจมาแล้วครับ 
 
ยังไงผมก็จะไปต่อ
 
ไม่
Am 
ได้ก็ไม่เป็นไรครับ ผมลาละ ผมไปก่อน

Em 
เขาคงเห็นความตั้งใจหรืออาจสงสารก็ได้
D 
เขาบอกกับพี่โรมรัน 
 
เอามันไปส่งที่หน้าค่าย
Am 
ค่าย ก.ร่มศรีทอง ตอนนั้นอยู่แถวคลองนารายณ์
 
มองเข้า
Am 
ไปเห็นนักมวยเขาซ้อมกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

Em 
พี่เขาพาไปยกมือไหว้คนที่เรียกกันว่าอาจารย์
 
อาจารย์ก็
D 
หาที่นอนให้คล้ายห้องเก็บของข้างหลังบ้าน
 
เขา
Am 
บอกมันไม่สบายนะอยู่ที่นี่ต้องทำงาน
 
ช่วยเก็บ
Am 
กวาด ช่วยทำกับข้าว ช่วยล้างถ้วย ช่วยล้างจาน

Em 
เอ็งดูรุ่นพี่แล้วจำนะ 
 
เขาทำอะไรก็ทำนะ
D 
เขาวิ่งเอ็งก็ต้องวิ่ง 
 
เขาสอนอะไรเอ็งก็ต้องฟังนะ
Am 
คนนี้ชื่ออัศวินนะ 
 
เขาเก่งเพิ่งได้เข็มขัดนะ
Am 
คนนี้ชื่อกำไลหยก นั่นบุเรงนอง นั่นก้องเมืองจันท์นะ

 
ส่วนเอ็งน่ะทางน้าแอ๋วเขาตั้งชื่อให้ว่าบุญหลง
 
 
เขาให้เสื้อผ้ามาด้วยและให้เงินไว้ซื้อขนม
 
 
เขาไม่ค่อยให้ใครนะ เอ็งต้องตั้งใจนะ
 
 
ไม่เก่งก็ไม่เป็นไร แต่อย่าขี้เกียจตัวเป็นขน
 

Em 
ฝัน ฉันมีฝัน เริ่มเข้าใจในความฝัน
D 
ฝัน ฉันมีฝัน เริ่มเข้าใจในความฝัน
Am 
มันจะหนักเท่าไร ต้องทนให้ไหว ฉันต้องกัดฟัน
Am 
มันจะหนักเท่าไร ต้องทนให้ไหว ฉันต้องกัดฟัน

Em 
ฝัน ฉันมีฝัน เริ่มเข้าใจในความฝัน
D 
ฝัน ฉันมีฝัน เริ่มเข้าใจในความฝัน
Am 
มันจะหนักเท่าไร ต้องทนให้ไหว ฉันต้องกัดฟัน
Am 
มันจะหนักเท่าไร ต้องทนให้ไหว ฉันต้องกัดฟัน

Em 
ท่ามกลางสวนทุเรียน เงาะ สละ และลองกอง
D 
ก็มีเสียงนาฬิกาปลุกทุกคนตอนเช้ามืด
Am 
เด็กน้อยออกจากผ้าห่มลุกออกมาจากที่รองนอน
 
ช่วยเขา
Am 
ทาน้ำมันมวย ดูเค้าวอร์ม ดูเค้ายืด

Em 
ฝืนตัวเองวิ่ง ตามขบวน จนน้ำตาคลอ
D 
เตะกระสอบทรายให้ดังที่สุด 
 
จนอาจารย์มอง
Am 
ตอนขี้ก็เลยลำบาก 
 
แม่งโคตรจะปวดขาเวลางอ
Am 
ปล้ำเข่าจนเจ็บซี่โครง โดนเหวี่ยงจนล้ม ลุกมาโดนเข่าต่อ

Em 
บางคืนก็นอนไม่หลับ 
 
มือก่ายหน้าผากนอนร้องไห้
D 
แต่ว่าสัญชาตญาณมันสั่งว่าต้องผ่านไปให้ได้
Am 
ค่อยๆ 
 
เข้าใจชีวิตว่าในบางทีมันไม่ง่าย
 
และนี่แค่
Am 
ซ้อม ยังไม่ได้ชก ข่มใจไม่ให้พ่าย

Em 
อดทนได้หนึ่งเดือนก็ได้เจอเรื่องที่เซอร์ไพรส์
D 
เพราะอาจารย์เขาขอเบอร์แม่ตั้งแต่วันแรกก็ให้ไว้
 
เหมือนกำ
Am 
ลังจะมีมวยวัด 
 
เหมือนกำลังจะได้ไฟท์
 
เขาคงโ
Am 
ทรไปบอกที่บ้าน 
 
ถามพ่อกับแม่ว่าได้มั้ย

Em 
เช้าวันต่อมา 
 
รถราจอดเต็มหน้าค่าย
D 
มากันทั้งบ้าน 
 
ไม่อาจจะหนีหรือหลบหน้าได้
Am 
มาทั้งพ่อแม่ ทั้งพี่น้อง มาทั้งป้ายาย
Am 
มานั่งปาดน้ำตา 
 
จึงได้เข้าใจคำว่าน่าละอาย

 
เด็กน้อยจึงต้องจำใจ กลับบ้านในวันนั้น
 
 
มันเหมือนว่าเป็นวันแรก ที่รู้สึกมีค่าและสำคัญ
 
 
สามเดือนที่หายไป กลายเป็นเรื่องเล่าได้แบ่งได้ปัน
 
 
รู้สึกโชคดีที่ผ่านมาได้ จึงมีโอกาสมาเล่า มาแร็ปให้ฟัง
 

Em 
หนี ไม่ว่าหนี ไปได้ไกลสักเพียงไหน
D 
หนี ไม่ว่าหนี ไปได้ไกลสักเพียงไหน
Am 
สุดท้ายฉันต้องยอมรับและฉันต้องกลับมาอยู่กับมัน
Am 
สุดท้ายฉันต้องยอมรับและฉันต้องกลับมาอยู่กับมัน

Em 
หนี ไม่ว่าหนี ไปได้ไกลสักเพียงไหน
D 
หนี ไม่ว่าหนี ไปได้ไกลสักเพียงไหน
Am 
สุดท้ายฉันต้องยอมรับและฉันต้องกลับมาอยู่กับมัน
Am 
สุดท้ายฉันต้องยอมรับและฉันต้องกลับมาอยู่กับมัน

Em 
อยู่กับความจริง..
D 
อยู่กับความจริง..
Am 
อยู่กับความจริง..
Am 
อยู่กับความจริง..

เพิ่มไว้ในรายการโปรด Add to Favorites